วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โคมไฟจากขวดพลาสติก

รายงาน
เรื่อง  การทำโครมไฟด้วยขวดพลาสติก


จัดทำโดย
1.           นาย ถิรวุฒิ  ไชยเสน  เลขที่ 12
2.           นาย รัชพล สิงหาศรี  เลขที่ 7
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4
เสนอ
อาจารย์ อนุสรณ์  ฤกษ์บางพลัด
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา  คอมพิวเตอร์
โรงเรียนโพธิ์ไทรพิทยาคาร
.โพธิ์ไทร  จ.อุบลราชธานี





คำนำ
               การศึกษารายงานเรื่องนี้สำเร็จ ได้ด้วยความช่วยเหลือไห้คำปรึกษาจาก                          คุณครู อนุสรณ์ ฤกษ์บางพลัด ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คอมพิวเตอร์ ที่ให้ความกรุณาชี้แนะแนวทางและการตรวจสอบการแก้ไข ข้อพร่องของรายงานจนสำเร็จด้วยดี ขณะผู้ศึกษาจึงขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างยิ่งขอขอบพระคุณผู้อำนวยการโรงเรียน และครูโรงเรียนโพธิ์ไทรพิทยาคาร ที่อนุเคราะห์อำนวยความสะดวกแหล่งค้นคว้าข้อมูล
         ขอขอบพระคุณนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่5/4 ที่ให้กำลังใจด้วยดีเสมอมา ขอบพระคุณคุณพ่อ คุณแม่และญาติทุกคนของขณะผู้ศึกษาที่คอยเป็นกำลังใจอันสำคัญยิ่งให้แก่ขณะผู้ศึกษาค้นคว้าจนประสบความสำเร็จ




สารบัญ
เรื่อง                                                                                                 หน้า
-ประวัติของโคมไฟ                                                                             1-2
-ประวัติของหลอดไฟ                                                                          3-5   
-โคมไฟจากขวดพลาสติก                                                                  8-10
-ผลงานของ นายสำรวจ สนรอด                                                        16-20
-วัสดุ-อุปกรณ์                                                                                    
-วิธีทำ                                                                                                7-23
-เรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครมไฟ                                                            





                                ประวัติโคมไฟ และ ลักษระโคมไฟต่างๆ

Description: SealedประวัติโคมไฟDescription: Sealed             นับ แต่สมัยโบราณ ยามค่ำคืน ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้า มีเพียงแต่แสงดาว แสงจันทร์ และคบเพลิง ซึ่งจากคบเพลิงไม้ ก็ได้นำไปสู่โคมไฟ เพื่อใช้เป็นแสงสว่างยามค่ำคืน โคมไฟถูกสร้างขึ้น น่าจะรับอิทธิพลมาจากประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันโคมไฟที่ได้รับความนิยม อันดับต้นๆ เลยก็คือ โคมไฟไม้สัก ซึ่งมีความสวยงาม คงทน แข็งแรง แต่มีความคลาสสิกในตัวของโคมเอง                 ลักษณะของดวงโคม                 1. ดวงโคมไฟเพดานเป็น ดวงโคมไฟที่ติดเหนือศีรษะ บริเวณฝ้าเพดาน หรือห้องลงมาจากเพดาน เช่น โคมไฟห้อยเพดานหรือไฟช่อระย้า ที่มีรูปแบบต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย ทั้งที่ทำจากแก้ว พลาสติก โลหะ หรือเซรามิค มีทั้งแบบโคมไฟธรรมดา ราคาไม่แพงไปจนถึงโคมไหแชนเดอเลียร์ ที่ประกอบไปด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ มากมาย สวยงาม ให้แสงสว่างและความร้อนมาก กินไฟมาก ราคาแพง ไฟติดเพดาน มีทั้งแบบดวงโคมที่ยึดติดกับฝ้าเพดาน ประกบอไปด้วยที่ครอบ หรือโป๊ะทำจากแก้ว หรือพลาสติกคลุมหลอดไฟเพื่อช่วยในการกระจายแสง เช่น โคมไฟโป๊ะกลมสำหรับหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือโคมไฟซาลาเปาสำหรับหลอดไส้ เป็นต้น และแบบที่ติดตั้งโดยเจาะฝ้า เพดานฝังซ่อนดวงโคมไว้ภายใน ที่เราเรียกกันว่า ไฟดาวน์ไลท์ (Down light) ซึ่ง ให้แสงสว่างได้ดี สามารถเลือกใช้ชนิดของหลอดไห ลักษณะของแสงที่ส่องลงมา และทิศทางการส่องของสำแสงได้หลายแบบเป็นได้ทั้งไฟพื้นฐานและไฟสร้างบรรยากาศ                 2. ดวงโคมไฟผนังเป็น ชนิดที่ใช้ยึดติดกับผนัง มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบเช่นกัน การกระจายแสงส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับลักษณะของโป๊ะ มีทั้งแบบให้แสงส่องออกมาตรง ๆ หรือแบบสะท้อนเข้าผนังเพื่อสร้างบรรยากาศให้กับห้อง เป็นต้น                 3. ดวงโคมไฟตั้งพื้น ตั้งโต๊ะ เป็น ดวงโคมไฟแบบลอยตัวที่ช่วยในการให้แสงสว่างตามจุดต่าง ๆ เป็นพิเศษ เช่น ในบริเวณที่นั่งอ่านหนังสือโต๊ะทำงาน หรือโต๊ะหัวเตียง และยังใช้เป็นของประกอบการตกแต่งในห้องชุดร่วมกับชุดเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ อีกด้วย เช่น ชุดรับแขก ชุดทานอาหาร เป็นต้น มีรูปแบบและวัสดุให้เลือกมากมายหลายหลายราคา               4. ลักษณ์โคมไฟจากกะลามะพร้าว
                มีลักษณ์เดียวกับโคมไฟตั้งพื้น ตั้งโต๊ะแต่สามารถออกแบบได้หลายแบบ              สีสันสามารถทำไดหลายสีแต่ที่นิยมคือสีเนื้อไม้
                                                    ประวัติของหลอดไฟ



น ค.ศ.1900 เจม เพรสคอตต์ จูลัส

ทดลองไปมาจนพบว่าเมื่อผ่านกระแสไฟฟ้าไปยังตัวต้านทานบางชนิด จะทำให้เกิดความร้อนและมีแสงสว่างออกมา ทำให้ เซอร์ โจเซฟ สวอน(ฝั่งอังกฤษ) และ โทมัส อัลวา เอดิสัน เกิดไอเดียขึ้นมา ต่างฝ่ายพยายามพัฒนาหลอดไฟตามแนวทางของตน สวอน ฝั่งอังกฤษแสดงหลอดไฟฟ้าก่อนใน พ.ศ. 2421 และทำการจดลิขสิทธ์จากหลอดสูญญากาศที่มีคาร์บอนเป็นใส้หลอด ส่วนจะจุดได้นานเท่าไรไม่ทราบ
ต่อมา ปีศาจแห่งการทดลองเอดิสัน เอาบ้าง

หลังจากที่ผ่านการทดลองเอาวัตถุแทบทุกชนิด(มีเรื่องเล่าว่ากระทั่งหนวดของเพื่อนยังเอามาทดลอง) ในที่สุดก็ได้ไส้หลอดที่ทำมาจากพวกฝ้ายที่นำมาปั่นเป็นหลอดและเผาไฟให้เป็นคาร์บอน(ก็ พวกถ่านนั่นล่ะ) หลอดไฟของเขาก็ได้รับการจดลิขสิทธิ์ และหลอดที่นำมาโชว์ติดอยู่ 13 ชั่วโมงครึ่ง และเขายังพัฒนาการต่อไฟจากแบบอนุกรมให้เป็นแบบขนานสามารถเลือกปิด-เปิด เฉพาะดวงได้
สังเกตว่าถ้าเอ่ยถึงหลอดไฟฟ้า

เรามักนึกถึงเอดิสัน แทนที่จะเป็น สวอน เนื่องเพราะ สวอนไม่ได้พัฒนาระบบวงจรไฟฟ้าและอุปกรณ์เสริมแต่งอื่นๆ คนไหนที่ซื้อหลอดไฟฟ้าเขาไปต้องหาอุปกรณ์อย่างอื่น เช่น หม้อปั่นไฟ เป็นต้น ในขณะที่ทางเอดิสันพัฒนาระบบไฟฟ้าอย่างดียิ่ง มีการเดินสายแจกจ่ายไฟฟ้าไปตามบ้านเรือนทำให้สะดวกสบายในการใช้งานและแพร่หลาย ทำให้ชื่อเสียงไหลมาทางเอดิสันมากกว่าสวอน

แต่หลอดไฟฟ้าที่ทำมาจากแท่งคาร์บอน

มีข้อเสียคือขาดง่าย ใน พ.ศ 2453 วิลเลียม เดวิส แห่งบริษัท Generel Electric ได้ทดลองใช้ทังสะเทน ทำเป็นใส้หลอด เพื่อให้ทนความร้อนมากขึ้น ไส้หลอดของเขาทนความร้อนได้ถึง 3410 องศาเซลเซียส ในขณะที่ไส้หลอดมีอุณหภูมิ 2456 องศาเซลเซียส ปัญหาไส้หลอดขาดเพราะความร้อนจึงจางหายไป เขาจัดการจดลิขสิทธ์ใน พ.ศ. 2456 หรืออีกสามปีต่อมา
แต่ปัญหาใหม่ก็ถามหา

เมื่อไส้หลอดของเดวิสร้อน อนุภาคของทังสะเทนบางส่วนจะหลุดออกมา และไปเกาะตามผิวหลอดไฟฟ้า ทำให้ใช้งานระยะหนึ่งหลอดจะเริ่มมัวลง

ต่อมาจึงมีการเติมก๊าซเฉื่อยลงไป

เช่น พวกอาร์กอน ไนโตรเจน ทำให้หลอดไฟว่างขาวนวล แต่ปัญหาอย่างใหม่ก็มาเยือนอีก ก๊าซที่เติมลงไปในหลอดทำให้เกิดการพาความร้อนจากไส้หลอดทำให้ใช้งานไประยะ หนึ่งหลอดจะลดแสงสว่างลงเพราะความร้อนที่ใส้หลอดลดลง จึงต้องจัดการแก้ไขปัญหาโดยการทำให้ไส้หลอดเป็นเกลียวเพื่อเพิ่มความร้อนให้ ไส้หลอด นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมไส้หลอดจึงขดเป็นเกลียว
ข้อเสียของหลอดไฟฟ้าแบบมีไส้หลอด

ปัญหายังไม่หมดไป เพราะหลอดไฟฟ้าจะมีความร้อนออกมามากทำให้มีความต้องการที่จะพัฒนาต่อไป
 
ผลที่เกิดจากปรากฏการณโพโตอิเล็กทริก

ที่เกี่ยวกับการแผ่รังสี (radiation) ทำให้มีการดัดแปลงการทดลองไปหลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่เป็นไอเดียเกี่ยวกับหลอดไฟฟ้าคือ เมื่อผ่านกระแสไฟฟ้า(ก็คืออิเล็กตรอนนั่นล่ะ) ที่มีแรงดันสูงเข้าไปในหลอดแก้วที่มีก๊าซอยู่ข้างในทำให้เกิดแสงสว่างขึ้นมา ซึ่งเกิดจากอะตอมของก๊าซได้รับพลังงงานจากอิเล็กตรอน อะตอมของก๊าซจึงมีการแผ่พลังงานออกมาในรูปของแม่เหล็กไฟฟ้า มีอยู่บางช่วงคลื่นที่สายตามองเห็น

จอช์จ คลอสิต นำเสนอหลอดเรืองแสงเป็นครั้งแรก

ใน พ.ศ. 2453 หลอดไฟฟ้าของเขาบรรจุก๊าซนีออนให้แสงสีแดง และสีอื่นๆ ตามแต่ชนิดของแก๊ซ นี่คือต้นแบบหลอดนีออนหลอดแรกของโลก
การทดลองยังคงดำเนินต่อไป

จนในที่สุดพบว่าถ้าบรรจุไอปรอท (Mercury vapour) และฉาบผิวหลอดแก้วด้านในด้วยฟอสฟอรัส หรือสารเรืองแสง เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไป ไอปรอทจะถูกกระตุ้นและแผ่พลังงานออกมาในรูปของรังสีที่มีความยาวคลื่น 254 nm ออกมา

ซึ่งเป็นความยาวคลื่นที่สายตามองไม่เห็นและเป็นอันตราย รังสีที่ไอปรอทแผ่ออกมาจะกระทบกับสารเรื่องแสงที่ผนังหลอด สารเรืองแรงจะดูดซับรังสีที่เป็นอันตรายเอาไว้และตัวมันเองจะแผ่พลังงานใน รูปของคลื่นที่มีความที่ที่สายตาคนมองเห็นได้ออกมาแทน ที่เรียกว่า แสงขาวอุ่น (Warm white) เรียกหลอดพวกนี้ว่า หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) (แต่เรามักเรียกว่าหลอดนีออนกันจนชิน)






หลอดนีออน

ใช้งานกันอย่างจริงจังจังเมื่อ พ.ศ 2477 - 2479 ซึ่งในการใช้งานจริงๆ ต้องมีอุปกรณ์อื่นช่วยคือ สตาร์ทเตอร์ (starter) และบาลาสท์ (Ballast) โดยที่ในการจุดหลอดครั้งแรกจะต้องใช้ไฟแรงสูงเสียก่อนเพื่อกระตุ้นให้หลอดทำงาน

สตาร์ทเตอร์ทำงานโดยการปิด-เปิด วงจร อย่างรวดเร็ว

ทำให้เกิดแรงดันสูง พอหลอดติดแล้วหน้าที่ของสตาร์ทเตอร์ก็หมดไป และมีบาลาสต์ทำหน้าที่ต่อแทน และมีการใช้ก๊าซเฉื่อยใส่เข้าไปในหลอดด้วยเพื่อช่วยในการกระตุ้นอิเล็กตรอน ไอปรอท
การเปลี่ยนสารที่ฉาบผนังหลอด

จะทำให้ได้แสงสีต่างกันออกไป เช่น BAM (Barium Magnesium) จะให้สีน้ำเงิน CAT (Cerium Magnesium Terbiumaluminate จะให้แสงสีเขียว
ส่วนทางหลอดไฟก็ยังได้รับการพัฒนาต่อไป

มีการสร้างหลอดไฟฟ้าแบบฮาโลเจนซึ่งมีการเติมก๊าซอาโลเจนในหลอด อะตอมของทังสะเทนที่หลุดออกมาจะไม่ไปจับผนัง แต่จะจับกับฮาโลเจนแทน (ก๊าซฮอาโลเจนมีความดันสูง หลอดไฟหรือกระเปาะไฟจึงมักทำด้วยควอตซ์) พอสารประกอบระหว่างฮาโลเจนกับทังสะเทนไปใกล้ไส้หลอดที่มิอุณหภูมิสูง สารประกอบที่เกิดจากการจับตัวของไฮโดรเจนกับทังสะเทนจะแตกตัวออก หมุนวนเช่นนี้เรื่อยไปทังสะเทนจึงไม่มีโอกาสจับผิวหลอด
 
ศัพท์น่ารู้เกี่ยวกับหลอดไฟ

วัตต์ = กำลังไฟฟ้าที่หลอดไฟใช้ ไม่ใช่วัดความสว่าง
ลูเมน = หน่วยวัดกำลังสว่างของไฟ










คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif


คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif


โคมไฟจากขวดน้ำพลาสติก
คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       ในขณะที่คนทั่วโลกกำลังตื่นตัว กับกระแสของภาวะโลกร้อน คนไทยเองก็ไม่ได้มองข้ามในเรื่องเหล่านี้ ที่ผ่านมา ได้เห็นงานฝีมือที่เกิดจากการนำของเหลือทิ้งมารีไซเคิล ซึ่งต้องยอมรับว่า คนไทยมีแนวคิด และมีพรสวรรค์ในเรื่องของงานฝีมือไม่แพ้ใคร และที่เห็นได้บ่อย และชัดเจน ก็คงจะเป็นผลงานรีไซเคิลขวดน้ำพลาสติก

โคมไฟขวดน้ำพลาสติกแบบแขวน
คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       ครั้งนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่มีโอกาสได้พบเห็นผลงานรีไซเคิล ขวดน้ำพลาสติก ที่ต้องบอกว่าน่าสนใจ เพราะมีพัฒนาการทั้งด้านรูปแบบและสีสันที่สนใจ ซึ่งต้องยอมรับว่า ผลงานรีไซเคิลขวดพลาสติกไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งมีการทำขึ้นมาขายนานหลายปี แต่ในระยะหลังความนิยมเริ่มลดน้อยลง
  
       สำหรับผลงานของ “นายสำรวจ สนรอด” ที่มีดีกรีเป็นถึงระดับอาจารย์ที่ในวงการรู้จักกันในชื่อของ “ครูต๋อยผู้ซึ่งสร้างสรรค์ผลงาน ประดิษฐ์ขวดพลาสติกมานานกว่า 4 ปี และแน่นอนว่า ด้วยประสบการณ์ และผลงานที่โดดเด่น เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนที่ได้พบเห็นชื่นชอบ ทำให้เขาได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรสอนอาชีพอยู่บ่อยครั้ง

นายสำรวจ สนรอดเจ้าของผลงาน
คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       โดยผลงานที่น่าสนใจของครูต่อย อยู่ความสวยงาม ความประณีต รูปแบบ และที่สำคัญ คือ ครูต๋อยใช้การลงสีแบบแอร์บรัช เป็นสีพ่นรถยนต์ ทำให้ได้ผลงานที่มีสีสันสดใส แตกต่างจากงานขวดพลาสติกรีไซเคิลของผู้ผลิตรายอื่นๆ ครูต๋อย บอกกับเราว่า ปัจจุบัน คนที่ทำชิ้นงานรีไซเคิลขวดพลาสติก มีอยู่หลายราย แต่ที่ใช้เทคนิคการทำสีแบบแอร์บรัช จะมีเพียง 2 ราย ซึ่งอีกคนหนึ่งทำงานขายอยู่ในต่างจังหวัด ดังนั้น ครูต๋อย จึงเป็นคนเดียวที่ทำสีแบบแอร์บรัช และวางขายในกรุงเทพฯ ปัจจุบัน ครูต๋อย ยึดช่องทางการขายเพียงช่องทางเดียว คือ การเช่าพื้นที่ขายและสอนอยู่ในห้างเดอะมอลล์บางกะปิ เปิดหน้าร้านขายสินค้าและรับสอนอยู่ที่นั่น

โคมไฟแขวนแบบภาพเหมือนหลวงปู่ทวด
คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       ครูต๋อย เล่าว่า การเข้ามาเปิดขายในห้างครั้งนี้ เกิดจากทางห้างไปเห็นผลงานที่เราสอนอยู่กับทางกรุงเทพมหานคร จึงได้ชักชวนให้เรามาเปิดในห้าง โดยทางห้างจะคิดค่าเช่าพื้นที่ด้วยการแบ่งรายได้ 25% ให้กับทางห้าง ซึ่งเมื่อครั้งมาขายที่เดอะมอลล์ในช่วงแรก ได้รับการตอบรับดีมาก ทั้งยอดขาย และการสอน เดือนหนึ่งมีรายได้หลายหมื่นบาท แต่ในระยะหลังจากผลกระทบน้ำท่วม รายได้ทั้งงานสอน และการขายสินค้า หายไปมากกว่า ครึ่งหนึ่ง ซึ่งต้องยอมรับว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ทุกคนใช้จ่ายน้อยลง จะเลือกใช้แต่ที่จำเป็น ประกอบกับสินค้าของเราเป็นสินค้าฟุ่มเฟื่อย จึงได้รับผลกระทบในช่วงนี้

โคมไฟแบบแขวนปรับมาจากตั้งโต๊ะ
คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       “จุดเริ่มต้นของการมาทำงานรีไซเคิล ขวดพลาสติก เริ่มมาจากการที่เห็นการสอนจากในรายการโทรทัศน์ เกิดความชอบขึ้นมาทันที่ ซึ่งในช่วงนั้น มีอาชีพเป็นช่างทำทองอยู่ รายได้อยู่ที่ 24,000 บาท ตัดสินใจลาออกจากงาน ตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำออกมาแล้วจะไปขายให้ใคร โดยไปเรียนจากอาจารย์ที่เปิดสอน แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก จึงลองมาหัดทำเอง เพราะเรา ก็มีพื้นฐานจากงานช่างทองอยู่แล้ว ก็นำมาปรับใช้กับงานตรงนี้ได้บ้าง เช่น การใช้เครื่องมือหัวแร้งในการตัดแต่งทำลวดลาย บนขวดพลาสติก ซึ่งตอนที่เป็นช่างทอง เราก็ได้ใช้อยู่แสวัสดีค่ะ เพื่อนๆ สมาชิกสองสลึงทุกท่านคะ วันนี้นุสิตา จะพาเพื่อนๆ มาเรียนรู้วิธีทำ โคมไฟ จากขวดพลาสติก ค่ะ 
ก่อน อื่น อยากจะบอกเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ก่อน มีอยู่ครั้งนึงนุสิตาได้เห็นภาพถ่ายจากอินเตอร์เนต เป็นการทำโคมไฟจากขวดน้ำอัดลม  ในขณะนั้น เกิดไอเดียว่า เราเอง ก็มีฝีมือทางด้านช่างศิลป์อยู่บ้าง  และชอบในเรื่องความสวย ความงาม เรื่องเพ้นท์ๆ ไม่ใช่ปัญหาเลย น่าจะลองหัดทำดู หลังจากได้ศึกษามาได้ซักระยะหนึ่ง ดูๆ แล้วค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ก็ไม่มากมายอะไร หากทำ แล้วออกมาดี ก็จะได้เป็นอาชีพเสริมต่อยอดให้กับเราได้ แต่หากทำไม่ได้ อย่างน้อย เราก็ยังได้ลงมือทำ พอคิดได้อย่างนั้นแล้วก็ลุยเลย นุสิตาก็เริ่มลงมือทันที
เริ่มจากวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
1. ขวดพลาสติก (2 บาท)
2. สีอะคริลิค (ขวดเล็ก 90 บาท / ขวดกาวร้อนพลาสติกขวดละ 25-35 บาท)
3. พู่กัน (12 บาท)
4. ทินเนอร์ (ใช้ล้างสี)
5. ชุดต่อไฟ (65 บาท)
6. แบบดอกไม้
7. ปากกาเคมี
8. น้ำยาผสมสี (เวลาที่สีหนืดเกินไป 230 บาท) 
8. หัวแร้ง (150 บาท) เฉพาะใบมีด ใบละ 100 บาท
วิธีทำ มีดังนี้ค่ะ
ขวดกลมสีดำเน้นเพ้นท์แก้ว / กระจกค่ะ หาซื้อได้ง่ายทั่วไปตามร้านเครื่องเขียนใหญ่ๆ แต่จะมีราคาแพงกว่าสีที่อยู่ในขวดกาวร้อน ส่วนใหญ่ใช้สีอะคริลิคแบบขวดกาวร้อน เพราะราคาถูกกว่า และบีบจากปากขวดเพ้นท์ลงไปได้เลย
สีให้ใช้ชนิดใดชนิดหนึ่งนะคะ เพราะคุณสมบัติเวลาเพ้นท์จะต่างกัน ถ้าเพื่อนต้องการทำเป็นอาชีพแนะนำให้ใช้สีแบบในขวดกาวร้อนนะคะ จะประหยัดกว่ากันเยอะเลย

ขวดกลมสีขาวที่เห็นใช้ในการผสมสีให้จางลง กรณีใช้กับสีอะคริลิคขวดกลมค่ะ


หัวแร้งหัวกลมแหลมใช้กรณีต้องการเชื่อมพลาสติกให้ติดกันหรือเจาะรู หรือเจาะทำเกสรดอกไม้ เช่น ดอกทานตะวัน / หัวแร้งชนิดแบนโค้ง ใช้กรณีตัด ทั้งสองแบบอันละ 100 ไม่มีขายทั่วไป ต้องสั่งทางอินเตอร์เนต ทำจากทองเหลืองค่ะ

อุปกรณ์พร้อมแ่ล้ว ลงมือกันเลยค่ะ
ก่อนอื่นต้องล้างขวดให้สะอาด เอาทินเนอร์เช็ดกาวที่ติดข้างขวดให้หมด จากนั้นปฎิบัติดังนี้
ขั้นตอนที่ 1.
 ตัดก้นขวดโค้งตามรูปใบไม้ (เพื่อเก็บไว้เป็นเชิงของดอกเวลาใส่หลอดไฟ) โดยใช้หัวแร้งชนิดโค้งแบน
ขั้นตอนที่ 2.
สอดแบบดอกไม้ที่เตรียมไว้ เข้าด้านในขวดนำปากกาเคมีวาดตามภาพ
เมื่อตัดออกมาแล้ว จะได้ขวดตามภาพดังนี้ ภาพที่เห็นคือ ดอกชบา และดอกลีลาวดี ค่ะ^^
จากนั้นก็ล้างรอยปากกาเคมีออก
ข้อควรระวัง  ขณะตัด เวลาเขียนลายต้องมีช่วงที่ตัวดอกติดกับพื้นขวด อย่าให้ดอกขาดออกจากขวดทั้งดอกนะคะ ต้องมีจุดที่เชื่อมกันบ้าง ตรงนี้เวลาตัดเพื่อนๆ จะต้องจินตนาการเอาเอง
ขั้นตอนที่ 3.
ลงสีอาจทำได้ 2 แบบค่ะ (ไม่ีมีภาพประกอบ เพราะมือเลอะสีไปหมดเลย ฮี่ ฮี่ ) คำอธิบาย: Sealed
เพื่อนๆ เห็นสีด้านบนมั้ยคะ มี 2 แบบ ทั้งที่อยู่ในขวดกาวร้อน และขวดกลมๆสีดำ
ถ้าวาดจากสีอะคริลิคในขวดกลมสีดำ (ขวดละ 90 บาท) ให้ผสมน้ำยาเล็กน้อย ใช้พู่กันทาลงไปเลยค่ะ ซึ่งจะมีทั้งส่วนใบและดอก
ถ้าวาดจากสีอะคริลิคในขวดกาวร้อน (ขวดละ 40 บาท) ก็บีบละเลงลงบนดอกและใบได้เลยค่ะ ถ้าสีหนืดก็ผสมสีด้วยน้ำยาแบบที่อยู่ในขวดกาวร้อนนะคะ น้ำยาจะคนละตัวกัน น้ำยาในขวดกาวร้อน ขวดละ 40 บาทเช่นกัน
ขั้นตอนที่ 4.
  นำก้นขวดที่เราตัดไว้ครั้งแรก (เพ้นท์สีของใบไม้แล้ว ) นำมาเชื่อมกับปากขวด ใช้หัวแร้งปากแหลมกลมในการเจาะรู และเชื่อมฝาให้ติดกับขวด จากนั้นสอดสายไฟที่ต่อแล้วลงไป (ขั้นตอนการต่อขอนุญาตข้ามไปนะคะ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)
เมื่อทำสำเร็จทุกขั้นตอนแล้ว ผลงานที่ได้ก็จะออกมาตามภาพเหล่านี้ค่ะ ^^
ไม่ยากไปใช่มั้ยคะ เพื่อนๆ ที่สนใจลองเอาไปทำดูนะคะ ส่วนอุปกรณ์ที่จะหาได้ ก็หาซื้อได้ทางอินเตอร์เนตค่ะ เช่นใบมีด กับสี ส่วนอย่างอื่นๆ หาได้ทั่วไปค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่น้อง สมช. ที่เเวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชม และร่วมแสดงความคิดเห็นแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ บ๊าย บาย ค่ะ  
ล้ว จึงไม่ยาก

  ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า การทำงานฝีมือ ต้องมีใจรัก เป็นทุนเดิม จึงจะทำออกมาได้ดี ซึ่งครูต๋อย ได้ใช้เวลาในการฝึกฝนจนกว่าจะได้ถึงทุกวันนี้ ก็นานถึง 4 ปี ซึ่งครูต๋อยบอกกับเราว่า แม้จะฝึกลูกศิษย์ที่มาเรียนออกไปหลายพันคน แต่ก็มีส่วนน้อยที่จะมุ่งมั่นและทำงานตรงนี้ได้นาน เหมือนกับตนเอง ส่วนใหญ่ก็จะท้อเสียก่อน เพราะเมื่อเป็นงานรีไซเคิลสำหรับตลาดคนไทยเอง ยังไม่ค่อยยอมรับเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับในต่างประเทศ เพราะวัดได้จากการที่ได้เคยนำสินค้าไปขายตามสถานที่ท่องเที่ยว ลูกค้าชาวต่างชาติจะชื่นชอบกันมาก ส่วนลูกค้าคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงอายุ




คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       สำหรับในส่วนของวัตถุดิบ อย่างขวดน้ำพลาสติก ครูต๋อยจะไปหาซื้อมาจากร้านขายของเก่า ขายในกิโลกรัมละ 20 บาท ขวดที่ใช้จะเป็นขวดน้ำอัดลม เพราะจะมีความเหนียว เวลานำมาทำงานซึ่งต้องใช้หัวแร้งที่เป็นความร้อนในการตัดทำลวดลายก็จะไม่เสียหายหรือขาดได้ง่าย ส่วนขวดขนาดใหญ่ขึ้นมา เช่น ขนาด 3.15 ลิตร ขึ้นไป ซึ้อในราคาขวดละ 5 บาท ในส่วนของสี เนื่องจากใช้เทคนิคการทำสีแบบแอร์บรัช จึงต้องลงทุนซื้อเครื่องพ่นสีในราคา 15,000 บาท และต้องเรียนเทคนิคการใช้แอร์บรัชด้วย ซึ่งสีที่ใช้กับแอร์บรัชต้องใช้สีพ่นรถยนต์ ซึ่งราคาสูงกว่าสีทั่วไป แต่สิ่งที่ได้ จะได้ผลงานที่ดูโดดเด่น และสีสันสวยงามสะดุดตา กว่าการใช้สีเพนท์ลาย

ที่ใส่ต้นไม้แบบแขวน
คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       "ดังนั้น ผลงานขวดพลาสติกรีไซเคิลของเราจึงราคาสูงกว่า ทั่วไป โดยราคาเฉลี่ยอยู่หลักร้อยบาท ไปจนถึงหลักพันบาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายและขนาดของงาน โดยผลงานส่วนใหญ่ของครูต๋อย จะเป็นโคมไฟ ลายดอกไม้ เช่น ดอกชบา ดอกลีลาวดี เป็นต้น นอกจากนี้ จะมีลวดลายที่ยากขึ้นมาอย่าง ทำลายพระพิฆเนศ รูปเหมือนหลวงปู่ทวด เป็นต้น ส่วนค่าเรียนคิดค่าเรียนคอร์สละ 1,200 บาท ฝึกจนกว่าจะเป็น โดยสอนให้ทั้งหมด  แบบ"

คำอธิบาย: http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       ครูต๋อย ฝากทิ้งทายไว้ สำหรับคนที่กำลังมองหาอาชีพเสริม งานฝีมือในแบบนี้ ก็ยังมีช่องว่างให้เข้ามาทำตลาดได้ เพราะคนที่มีใจรัก และทำออกมาได้ดี ยังมีน้อย สินค้ายังขายได้เรื่อย และเป็นงานที่ต้นทุนต่ำ กำไรที่ได้มาจากต้นทุนค่าแรงในการทำงานของเราเองทั้งสิ้น

ต้นใบเงิน ใบทอง ทำจากขวดน้ำพลาสติก
ปัญหาขยะเกลื่อนเมืองในเมืองไทย เรียกว่ามากขึ้นทุกวัน เพราะฉะนั้นคนรุ่นใหม่ควรจะใส่ใจรักษ์โลกกันให้มากขึ้น นอกจากควรลดปริมาณการใช้ของสิ่งของต่างๆ แล้ว อีกหนึ่งทางที่จะช่วยลดปริมาณขยะ ก็คือการรู้จักเอาของที่กำลังจะทิ้ง มาทำให้เกิดประโยชน์ นำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบต่างๆ อย่างตัวอย่าง "ขวดพลาสติก" ที่เรานำมาให้ดูกัน เรียกว่าทำได้สารพัดประโยชน์จริงๆ ลองเอาไปทำกันดูนะคะ

โคมไฟจากก้นขวดพลาสติก

หัวสายยางรดน้ำต้นไม้

ขวดพลาสติกพ่นสีประดับตกแต่งเพิ่มสีสัน

โซฟาจากขวดพลาสติก

ชั้นใส่เครื่องประดับ

โคมไฟระย้า

กระถางปลูกต้นไม้จากขวดน้ำพลาสติก

รั้วบ้านจากขวดพลาสติก

1.         
ขณะนี้มีกระแสข่าวจากสื่อสังคมออนไลน์เตือนให้หลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกที่เก็บในหลังรถยนต์และจอดกลางแดดโดยมีโอกาสได้รับสารไดออกซิน
6532 0 3 มิ.ย. 57 09.17 น.
2.              
วันนี้จะชวนเพื่อน ๆ นำเอาขวดพลาสติก อาทิ ขวดนม ขวดอาหารเพื่อสุขภาพแคปซูล กลับมาเป็นของประดับตกแต่งบ้าน
17379 1 14 มี.ค. 57 09.11 น.
ผลิตภัณฑ์น่าซื้อ
ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา
E-mail : 
ta-nu-pong@hotmail.com

ยังคงเป็นความพยายามของหลายฝ่ายที่จะช่วยกันลดโลกร้อนด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ หลายประเภท เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ผู้คนใช้วัสดุจากธรรมชาติกันมากๆ พร้อมกับลดการใช้พลาสติกทุกชนิด โดยมุ่งหวังให้เป็นการควบคุมปริมาณพลาสติกมิให้เพิ่มขึ้น และหาทางกำจัดตามกระบวนการให้ถูกต้องต่อไป

อีกหนทางหนึ่งที่พอจะช่วยกัน นั่นคือการนำพลาสติกที่ใช้แล้วกลับมาทำประโยชน์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของใช้ สิ่งของประดิษฐ์ ฯลฯ แต่ทั้งนี้การนำสิ่งของดังกล่าวให้ดูมีค่าน่าสนใจ พร้อมกับทำให้เกิดประโยชน์คงไม่ง่าย เพราะจะต้องอาศัยผู้มีความรู้และใจรักงานด้านศิลปะ แล้วยังต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อประดิษฐ์ชิ้นงานที่เป็นขวดพลาสติกออกมาให้เกิดความน่าสนใจซื้อหา

  เริ่มต้นจากทำใช้เอง ลูกค้า เพื่อน และญาติ    แจก
คุณสุภาณี เหมาะสา เจ้าของร้านโคมไฟในฝัน เป็นอีกคนหนึ่งที่ผันตัวเองจากพนักงานฝ่ายการตลาดของหลายโรงแรม และยังเคยคลุกคลีอยู่ในธุรกิจการจัดกรุ๊ปท่องเที่ยว สัมมนาให้กับบริษัทหลายแห่ง แล้วหันมาจับงานด้านประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์รีไซเคิลจากขวดพลาสติกที่ทำออกมาแล้วดูสวยงามมาเป็นของใช้ และของประดับที่เน้นการใช้งานได้จริง
คุณสุภาณี เล่าว่า ด้วยความที่เป็นคนชื่นชอบงานศิลปะ และมีแผนที่จะทำธุรกิจที่ตนรักเป็นของตัวเอง จึงทดลองทำโคมไฟจากขวดน้ำพลาสติกก่อน จากนั้นค่อยนำมาปรับให้เข้ากับสิ่งที่ชอบที่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวันรอบๆ ตัวที่จำเป็น พร้อมกับการคิดออกแบบเป็นรูปทรงต่างๆ ให้มีความทันสมัย เช่น ที่ใส่กระดาษทิชชู กระถางต้นไม้ ฯลฯ ภายหลังที่ทำเสร็จจำนวนหนึ่งก็นำไปแจกให้กับลูกค้าที่ยังคงติดต่องานกันอยู่บ้าง แจกจ่ายให้กับญาติหรือเพื่อนสนิทบ้างในโอกาสวาระต่าง  
เธอบอกว่า ด้วยความที่เป็นคนชอบและใฝ่เรียนรู้ จึงได้ไปศึกษาเรื่องการทำโคมไฟและของใช้ต่างๆ จากขวดพลาสติกจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ต้องการทำเป็นของใช้ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน อาทิ กล่องกระดาษทิชชู ก็นำมาใช้บนโต๊ะอาหาร โต๊ะทำงาน ห้องรับแขก, โคมไฟนำไปประดับตกแต่งตามสถานที่ต่างๆ, กระถางต้นไม้แบบใช้แขวนที่นอกจากใช้ปลูกต้นไม้แล้ว ยังเป็นของตกแต่งบ้านได้

นอกจากนั้น ยังทำเป็นที่ใส่ปากกา, กิ๊บติดผม, ที่คาดผม,ปลาเงิน ปลาทองที่นำมาใช้แขวนตกแต่งสถานที่เพื่อเป็นสิริมงคลหรือโมบายที่เป็นรูปดอกไม้หลากหลายแบบ ฯลฯ

วัสดุที่ใช้เธอให้รายละเอียดว่าใช้ขวดพลาสติกทุกชนิด ที่สั่งซื้อมาเป็นจำนวนมากจากร้านขายน้ำตามโรงเรียนต่างๆ เพราะขวดที่มาจากแหล่งนี้จะมีความสะอาดกว่าที่อื่น แต่ต้องมาผ่านกระบวนการคัดเลือกก่อนจึงจะนำไปใช้งานในขั้นตอนต่อไป

ส่วนสีที่ใช้ เน้นใช้สีสำหรับเพ้นต์แก้วหรือสีเพ้นต์กระจกที่ต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นและเยอรมนี ทั้งนี้ เพราะมีคุณภาพความคงทนในการใช้งานยาวนานกว่า 5 ปี

พอได้ขวดพลาสติกมาแล้วจะต้องนำมาล้าง แล้วตากให้แห้งสนิท จากนั้นใช้ผ้าชุบทินเนอร์ทำความสะอาดอีกครั้ง นำหัวแร้งตัดขวดตามรูปทรงต่างๆ ที่ต้องการ แล้วนำลายที่กำหนดไว้สอดเข้าไปในขวดเพื่อลอกลายโดยใช้ปากกาเขียนแผ่นใสวาดตามแบบ แล้วจึงนำหัวแร้งตัดตามรอยที่วาดอีกครั้ง

เมื่อเสร็จแล้วให้นำมาล้างน้ำเปล่า เพื่อให้หมึกที่เขียนไว้ออกให้หมด ปล่อยให้แห้งเองหรือจะใช้ผ้าเช็ดก็ได้ ต่อจากนั้นนำมาลงสีจริงตามลวดลายแบบที่กำหนด แต่หากเป็นงานโคมไฟจะต้องนำหลอดและสายไฟมาประกอบเข้าชุดเสียก่อนเจ้าของงานอธิบาย

 ผลิตงานไม่ค่อยทัน เพราะขาดแคลนฝีมือแรงงาน
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ทำจะผลิตขึ้นตามแบบต่างๆ ที่กำหนดไว้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือกตามความเหมาะสมและความชอบ แต่ในบางครั้งอาจจะผลิตตามคำสั่งของลูกค้าที่ต้องการพร้อมกับนำแบบตัวอย่างมาให้
เธอเปิดเผยว่า ในบางเวลาอาจเกิดปัญหาอันเนื่องมาจากผลิตสินค้าไม่ทันความต้องการ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะระดับฝีมือความชำนาญและทักษะของช่างแต่ละคนมีไม่เท่ากัน จึงทำให้ผลงานที่ออกมาต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนแก้ไข กว่าจะได้ตามที่ลูกค้าต้องการ

คุณสุภาณี กล่าวยอมรับว่า หากต้องการให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างมั่นคง จะต้องมีการวางแผนประชาสัมพันธ์และการตลาดอย่างรอบคอบ ดังนั้น เธอจึงเริ่มวางแผนและเดินหน้าตามแผนด้วยการจัดทำโบรชัวร์แจกตามสถานที่หลายแห่ง และยังนำสินค้าออกจำหน่ายพร้อมกับเปิดสอนตามห้างสรรพสินค้าและหน่วยงานหลายแห่ง จัดทำโฆษณาตามสื่อ ทั้งนิตยสารและโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องหลายช่องทาง ขณะเดียวกัน ยังได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรสอนตามสถานที่สำคัญหลายแห่ง ไม่ว่าจะทั้งภาคราชการหรือเอกชนก็ตาม

  สินค้าน่าเชื่อถือ เพราะได้รับรองมาตรฐาน
แน่นอนสินค้าดีมีคุณภาพหากไม่ได้รับการรับรองก็จะขาดความเชื่อถือจากผู้ใช้ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ของคุณสุภาณีทุก








ชนิดได้ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมจากกระทรวงอุตสาหกรรม แถมยังได้รับรางวัลสูงสุดที่ถือว่าภูมิใจมาก นั่นคือ การยอมรับจากลูกค้าของหน่วยงานราชการจำนวนมากทั่วประเทศ

สำหรับสินค้าที่ขายดี เจ้าของงานเปิดเผยว่า ส่วนใหญ่เป็นงานที่ใช้เครื่องมือในการพ่น (แอร์บรัช) เพราะมีความน่าสนใจตรงที่สีสันสะดุดตา โดยเฉพาะเฉดสีที่ปรากฏจะมีความเนี้ยบ สามารถเล่นระดับความอ่อน-แก่ ของสีแต่ละโทนได้อย่างสวยงาม เมื่อทำออกมาแล้วดูเป็นมิติกว่างานที่ใช้มือทำ และลายที่ทำอยู่ขณะนี้ มีจำนวน 4 ลาย คือ ดอกลีลาวดี ดอกชบา ดอกทานตะวัน และดอกบัว
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีต เราใช้สีเพ้นต์แก้ว เพ้นต์กระจก แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้วยการใช้แอร์บรัชมาช่วยสร้างสีสันให้สะดุดตา ทั้งยังทำให้สามารถผลิตงานได้เร็วขึ้นมาก ที่จากเดิม 1 คน ทำได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ต่อวัน เพิ่มเป็น 50-60 ชิ้น ต่อวันเจ้าของงานบอก

ด้วยความที่สินค้ามีรูปแบบที่ทันสมัย มีหลากหลายลายให้เลือก ฝีมือการทำงานที่มีความประณีต ที่สำคัญราคาไม่แพง จึงเป็นผลให้ได้รับความสนใจและความนิยมมากจากลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมีจำหน่ายหลายแห่ง เช่น ร้านเกาะเกร็ด นนทบุรี, ตลาดนัดจตุจักร ส่วนต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ลำปาง หรือแม้กระทั่งที่นราธิวาส ทั้งยังจำหน่ายยังต่างประเทศ เช่น ที่นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ด้านราคาจำหน่ายเริ่มตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน

 ไม่ได้มีจำหน่ายอย่างเดียว      
 เปิดสอนเพื่อสร้างรายได้อีกด้วย
เจ้าของธุรกิจบอกว่า มีความตั้งใจที่จะทำสินค้าให้ออกมาหลายรูปแบบ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ชอบตกแต่งบ้านที่มีทุกช่วงอายุ หรือกลุ่มที่นิยมใช้ของแนวรีไซเคิล อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีการวางแผนจะเจาะกลุ่มที่เป็นพวกหางานรายได้เสริม เช่น แม่บ้าน หรือพนักงาน หรือแม้แต่ผู้พิการก็ตาม

ปัจจุบัน ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบการแต่งบ้านอยู่ และนับวันจะมีมากยิ่งขึ้น ซึ่งต่อไปจะต้องขยายแนวออกไปในลักษณะเสริมสร้างอาชีพเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้กับคนบางกลุ่มที่พอมีเวลาว่างและต้องการใช้เวลาส่วนนั้นให้เกิดประโยชน์ หรือบางคนอาจทำเป็นธุรกิจส่วนตัวเลยก็ได้

แนวคิดนี้อาจเปิดช่องทางในการทำธุรกิจร่วมกันเหมือนสร้างพันธมิตร โดยสามารถคัดเลือกหรือคัดสรรผลงานของนักเรียน หรือคนนอกที่มีฝีมือมาช่วยในการผลิต อาจมีการรับสั่งซื้อชิ้นงานที่มีความสวยงาม ทั้งลักษณะงานและการออกแบบ แล้วนำไปขายต่อให้คุณสุภาณีกล่าวในที่สุด

ถึงแม้การทำผลิตภัณฑ์โคมไฟจากขวดพลาสติกอาจจะดูเป็นเพียงแค่สิ่งของเล็กๆ ที่ไม่ได้หรูหรา มีค่าราคาแพงเช่นสินค้าแบรนด์ดังทั่วไป แต่นั่นอาจเทียบไม่ได้กับคุณค่าที่มีมากต่อการเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยไม่ให้ปริมาณพลาสติกเพิ่มขึ้นด้วยการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ดีกว่าการนำไปตั้งวางไว้เฉยๆ และที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ ยังเป็นส่วนหนึ่งจากอีกหลายส่วนของคนที่อยู่ในโลกใบนี้ที่ช่วยกันไม่ทำให้โลกใบนี้ร้อนขึ้น

สนใจต้องการซื้อสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดการอบรมการทำผลิตภัณฑ์จากขวดพลาสติก ติดต่อไปได้ที่ ร้านโคมไฟในฝัน เลขที่ 70/185 หมู่บ้านเลิศอุบล ซอย 67 หมู่ที่ 10 ซอยถนอมมิตร ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10230 โทรศัพท์ (080) 452-3424, (089) 890-8309 หรือที่ 
www.eastart.co.th










อ้างอิง

- www.google.com
- สอบถามคนทำเป็น
- ดูในหนังสือ

ภาคผนวก



เราจะเลือกขวดที่ดีและขาดพอดี
(ในกรณีที่ไม่มีขวดพลาสติกใช้ังน้ำก็ได้)

จากนั้นเราจะนำขาดมาวาดรวดราย



พอวาดรายเสร็ดเรานำขวดมาตัด


พอตัดจนได้รวดรายตามที่เราวาดแร้ว


เราจะนำขวดมาพ้นสี


และพ้นสีจนทั่วขวด
จากนั้นก้อจะนำหลอดไฟมาติดตรงที่ปากปวด ครับ







เราจะเจาะฝาขาดไห้พอเหมาะกับหลอดไฟ

วีดีโอแนะนำอุปกรณ์